Skip to main content

คนงานหญิงพิการในกัมพูชาจำนวน 20 คน ยื่นคำร้องต่อรัฐบาลให้สืบสวนการเลือกปฏิบัติของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า บริษัท Shimano ที่เลิกจ้างพวกเธอโดยไม่ระบุสาเหตุเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา


ภาพจาก http://www.phnompenhpost.com/national/disabled-women-fired-factory

ศูนย์ข้อมูล & ข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมืองหรือ TCIJ ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา คนงานพิการจำนวน 20 คนเดินทางจากจังหวัดกำปงสปือ ไปยังกรุงพนมเปญเพื่อยื่นคำร้องต่อรัฐบาลให้สืบสวนการเลือกปฏิบัติของบริษัทโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ชิมาโน (กัมพูชา) จำกัด (Shimano) ที่ไล่พวกเธอออกจากงานโดยไม่ระบุสาเหตุเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นำโดยคนงานหญิง 14 คนซึ่งนั่งวีลแชร์จัดแถลงข่าว ณ สำนักงานองค์การคนพิการ ประเทศกัมพูชา

Seng Bopha อายุ 29 ปี กล่าวว่า เดิมทีบริษัทจ้างคนพิการจำนวน 90 คน แต่กลับเลิกจ้าง 19 คน รวมทั้งตัวเธอด้วยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยไม่ทราบสาเหตุ 
“เราต้องการทำงาน เราถูกบังคับให้พิมพ์รอยนิ้วมือเพื่อรับค่าชดเชยจากบริษัท” เธอกล่าว

ด้าน Chhoun Chanveasna อายุ 32 ปี ถูกบังคับออกหลังทำงานที่โรงงานมาเป็นเวลา 10 ปี เธอได้รับค่าชดเชยโดยไม่เต็มใจประมาณ 2,730 เหรียญสหรัฐฯ พร้อมกล่าวระบุว่า ถูกบังคับให้ออกจากงานอย่างกะทันหัน โดยนายจ้างไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เช่นเดียวกับ Reoun Srey Mom อายุ 34 ปี ซึ่งระบุว่าเธอถูกบังคับให้รับค่าชดเชย 1,278 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับอายุงาน 4 ปี จากเหตุผลที่บริษัทอ้างว่า เกิดจากปัญหาการเงินของบริษัท แต่เธอยังสงสัยถึงสาเหตุที่แท้จริง เธอยังสังสัยว่าทำไมต้องเลิกจ้างคนพิการออกเป็นอันดับแรก

ด้านผู้อำนวยการองค์การคนพิการกัมพูชาระบุว่า องค์การพัฒนาเอกชนจะส่งจดหมายถึงสภารัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กระทรวงกิจการสังคม และกระทรวงกิจการสตรี โดยหวังว่า คณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงจะเข้ามาตรวจสอบกรณีปัญหานี้ เพราะเรื่องดังกล่าวสะท้อนถึงการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

ฟากตัวแทนบริษัท ชิมาโน ปฏิเสธว่า การเลิกจ้างครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ แต่ไม่สามารถบอกเหตุผลได้ โดยชี้ว่าประเด็นนี้เป็นความลับภายในบริษัท อีกทั้งคนงานทุกคนได้รับค่าชดเชยแล้ว

Velibor Popovic ผู้เชี่ยวชาญของ UNDP กล่าวว่า อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการที่รัฐบาลกัมพูชาให้การรับรองเมื่อปี 2012 นั้น ระบุห้ามเลือกปฏิบัติบนฐานของความพิการ ในเรื่องการจ้างงาน ตามสิทธิที่จะทำงานของคนพิการยังได้รับความคุ้มครองในมาตรา 33 ของกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของคนพิการของกัมพูชา เช่นเดียวกับ Moeun Tola จากกลุ่มส่งเสริมสิทธิแรงงานกลางที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องตรวจสอบว่าการเลิกจ้างคนงานเป็นการเลือกปฏิบัติหรือจากการปฏิบัติงาน หากมาจากการปฏิบัติงานก็ควรตรวจสอบว่า นายจ้างได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับคนพิการหรือไม่ หากไม่ ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา และจะต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างจริงจังเพื่อหาสาเหตุของการเลิกจ้างคนงานกลุ่มนี้

นอกจากจะเข้าไปตรวจสอบการเลือกปฏิบัติว่าเกี่ยวข้องกับการเลิกจ้างหรือไม่ เจ้าหน้าที่ควรจะสอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านแรงงานของนายจ้างด้วย เช่น การแจ้งเลิกจ้างล่วงหน้าภายใต้กฎหมายแรงงาน คนงานต้องได้รับการแจ้งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน และนายจ้างไม่สามารถบังคับคนงานให้เซ็นชื่อรับค่าชดเชยโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย

Tola กล่าวว่าแนวทางการปฏิบัติของการจ้างคนพิการในอุตสาหกรรมนี้ ยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างทั่วถึงทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสัญญาว่าจะส่งเสริมการจ้างงานคนพิการอย่างน้อย 1% ของจำนวนพนักงานของบริษัท 1 แห่ง

 

แปลและเรียบเรียงจาก:
Disabled women fired at factory, Phnom Penh Post, 7/3/2017