Skip to main content

งานวิจัยชิ้นล่าสุดเผยข้อสงสัยเกี่ยวกับ นักเรียนพิการชนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกาที่ต้องได้รับการศึกษาในรูปแบบการศึกษาพิเศษ กำลังถูกมองข้ามจากระบบการศึกษาของสหรัฐฯ

แม้มีข้อกำหนดว่า นักเรียน นักศึกษาพิการที่เป็นชนกลุ่มน้อย หรือไม่ได้เป็นคนผิวขาวชาวอเมริกันนั้น ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาพิเศษสำหรับคนพิการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์จากงานวิจัยสะท้อนให้เห็นภาพตรงกันข้าม ดังที่วารสารวิชาการ The Journal Educational Researcher ชี้ให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2546 ในโรงเรียนประถม -มัธยมต้น และมัธยมปลาย นักเรียนที่มีภูมิหลังมาจากชนกลุ่มน้อยมีแนวโน้มน้อยกว่าเด็กผิวขาวที่จะถูกมองว่า มีความพิการ ผลคือเมื่อไม่ถูกมองว่าพิการ เด็กนักเรียนจากชนกลุ่มน้อยในสังคมสหรัฐฯ จึงถูกมองข้ามเรื่องการศึกษาที่เหมาะสมอย่างการศึกษาพิเศษสำหรับคนพิการ ก่อปัญหาให้กับการเรียนของนักเรียนชนกลุ่มน้อยเหล่านี้


ภาพจาก https://media.defense.gov/2017/Sep/13/2001808656/670/394/0/170912-F-BX770-052.JPG

ทีมงานวิจัยได้ทำการศึกษาและเก็บข้อมูลจากนักเรียนเกือบ 400,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในระบบการดูแลด้านการศึกษาของ National Assessment of Educational Progress หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nation’s Report Card ซึ่งเป็นโครงการประเมินนักเรียนในสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องและขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ

“ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า เด็กนักเรียนผิวดำใช้เวลามากกว่านักเรียนผิวขาว 2-3 เท่าในการระบุความพิการ และยิ่งในความพิการที่มองไม่เห็น อย่างความพิการทางด้านอารมณ์และการใช้เหตุผล ความพิการทางจิต พวกเขายิ่งแทบไม่มีตัวตน รวมไปถึงความพิการอย่างการมีภาวะออทิสติก ปัญหาด้านการพูดหรือการใช้ภาษา” แดเนียล โลเซน ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิพลเมืองกล่าว

ท่ามกลางความสำเร็จทางด้านวิชาการของเด็กๆ การตีแผ่เรื่องความยากจน เพศ การใช้ภาษาอังกฤษ รวมไปถึงเรื่องเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ของนักเรียนชนกลุ่มน้อยนั้น มีแนวโน้มว่าจะได้รับการเอาใจใส่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเด็กผิวขาว รวมถึงพวกเขาไม่ถูกระบุว่ามีความพิการ ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังปรากฎอยู่ในผลงานจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท  และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียด้วยเช่นกัน

ผลวิจัยนี้ออกมาพร้อมกับการออกกฎข้อบังคับจากรัฐบาลกลาง เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นกับนักเรียนชนกลุ่มน้อยที่ควรได้รับบริการด้านการศึกษาพิเศษ กฎดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ระบบการศึกษาปีหน้า โดยอ้างตามพระราชบัญญัติการศึกษาคนพิการเพื่อเรียกร้องให้รัฐตั้งธงในการระบุเขตการศึกษาควบคู่กับการบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียนกลุ่มนี้ เพื่อให้มีการจัดสรรอย่างเหมาะสมต่อจำนวนนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนที่มาจากกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ดี ก็ได้พบปัญหาการบังคับใช้จากพื้นฐานของหลักเกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกันในแต่ละรัฐ ในการประเมินคุณภาพโรงเรียน กฎข้อบังคับใหม่ที่ออกมาจึงจะต้องครอบคลุมทุกเขตการศึกษาในประเทศให้อยู่ในระดับมาตรฐานเดียวกัน

โลเซนยอมรับว่า นโยบายของภาครัฐที่ผ่านมาสนับสนุนในเรื่องเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แต่พวกเขาก็ยังละเลยเด็กกลุ่มนี้ เพราะการจัดการเด็กที่มาจานกลุ่มน้อยนั้นเป็นอำนาจของแต่ละพื้นที่ จึงทำให้เกิดความแตกต่างและอาจเกิดอคติและการเลือกปฏิบัติ จนทำให้เด็กกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงการรับบริการการศึกษาพิเศษในที่สุด

 

แปลและเรียบเรียงจาก

http://www.huffingtonpost.com/entry/racism-inherent-in-special-education-leads-to-marginalization_us_55b63c0ae4b0224d8832b8d3

https://www.disabilityscoop.com/2017/09/05/analysis-minority-left-out-sped/24125/