Skip to main content

สำหรับคนที่มีภาวะบุคลิกภาพแตกแยกนั้นมักมองว่า โลกที่พวกเขาอยู่ไม่มีจริง เป็นเพียงกลุ่มฝุ่นหรือควันที่เป็นภาพแบนๆ 2 มิติ คน 1 ใน 100 คนมีแนวโน้มว่าจะมีอาการเหล่านี้ แต่มีจำนวนน้อยที่จะถูกวินิจฉัย


ภาพจาก http://www.bbc.com/news/health-41384979

“คุณรู้ว่าคุณรักครอบครัว แต่มันเป็นการรับรู้ในเชิงวิชาการ มากกว่าที่จะรับรู้ด้วยความรู้สึกเหมือนกับคนอื่นทั่วไป” ซาราห์กล่าว เธอเป็นนักแสดงที่ต้องเล่นหลากหลายบทบาทและต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก แต่ในชีวิตจริง เธอกลับมีปัญหาด้านอารมณ์และไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ ได้

อาการเหล่านี้เป็นที่รู้จักในวงแคบ มีชื่อเรียกว่า Depersonalisation Disorder (ภาวะบุคลิกภาพแตกแยก) อาการของซาราห์เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อเธอเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสอบปลายภาค เริ่มจากรู้สึกว่าตัวเธอไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับโลกนี้ ขาดการติดต่อกับโลก และแม้แต่กับร่างกายตัวเอง และเริ่มเกิดกลไกการป้องกันตัวเอง เพื่อลดความตึงเครียดและการบาดเจ็บที่เกิดจากความรู้สึกโดยปิดกั้นโลกแห่งความจริง

“แม้แต่เสียงเปิดของสวิตช์ไฟ ก็ดูช่างแปลกประหลาดและคุกคาม” ซาราห์กล่าว “ไม่นานนักแฟลตที่คุณอยู่หรือที่ที่คุณคุ้นเคยจะกลายเป็นเหมือนฉากในภาพยนตร์ และตัวคุณเองก็จะกลายเป็นเสมือนพร๊อบในฉากนั้น”

ในขณะที่คนอื่นๆ บางคนก็รู้สึกว่า ร่างกายตัวเองว่าเป็นสิ่งน่ากลัว บางชิ้นส่วนของร่างกายไม่ใช่ของพวกเขา และเห็นมันเป็นเพียงวัตถุ 2 มิติ แบนและพื้นผิวราบเรียบ

ในครั้งต่อๆ มา สิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับซาราห์

“ฉันกำลังอ่านหนังสือ ใช้มือถือหนังสือไว้ ทันใดนั้นมือของฉันก็กลายเป็นภาพของมือคู่หนึ่งในหนังสือนั้น ฉันรู้สึกว่าถูกแบ่งแยกระหว่างโลกทางกายภาพและสิ่งที่ฉันคิดต่อมัน”

จากผลการศึกษาของ 3 แห่ง คน 1 ใน 100 คนถูกคาดการว่า จะมีอาการนี้ สืบเนื่องจากปัญหาทางจิต ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแพร่กระจายของภาวะนี้ใกล้เคียงกับภาวะย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder- OCD) หรือโรคทางจิตเภท และในทางการแพทย์รู้จักโรคนี้มายาวนานกว่าหลายสิบปีแล้ว

ในผู้ป่วยบางคน หากไม่ได้รับการรักษา พวกเขาอาจมีภาวะนี้ไปชั่วชีวิต แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แพทย์ทุกคนที่รู้จักภาวะนี้ เฉพาะแพทย์จบใหม่เท่านั้นที่จะรู้จักมัน เพราะสมัยก่อนไม่เคยมีการพูดถึงอาการเหล่านี้ในโรงเรียนแพทย์ ดังที่แพทย์คนหนึ่งยอมรับว่า เขาเคยวินิจฉัยคนไข้ผิดพลาดอย่างน้อย 2 คนในอดีต และจะรู้สึกแปลกใจมากหากมีเพื่อนแพทย์ที่ร่วมงานด้วยรู้จักภาวะอาการเหล่านี้

ตรงกับที่ซาราห์กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่กว่า 20 คนที่ไม่รู้จักหรือเคยได้ยินภาวะของเธอ ซึ่งรวมไปถึง พยาบาล แพทย์ประจำบ้าน นักบำบัด และนักให้คำปรึกษา

สำนักงานใหญ่แพทย์กล่าวว่า สุขภาพทางจิตนั้นเป็นกุญแจสำคัญในหลักสูตรการศึกษา การเรียนเกี่ยวกับความซับซ้อนของปัญหาทางจิตนั้นค่อยๆ ถูกพัฒนาและเพิ่มเติมเข้ามาในการเรียนการสอน จิตแพทย์หลายคนต่างกล่าวว่า ความรู้เหล่านี้ต้องถูกพัฒนา เพราะการวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง ก็เสมือนเป็นปราการด่านแรกที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

ในอังกฤษ มีเพียงคลินิกเดียวที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ และในแต่ละปีจะมีคนไข้เข้ามาปรึกษาประมาณ 80 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับจำนวนกว่า 650,000 คน ที่มีภาวะแล้ว จะพบว่าจำนวนแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญนั้นขาดแคลนอย่างมาก และแม้ค่ารักษาจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้วยหลักประกันสุขภาพ แต่ก็ใช้เวลาอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่านั้นในการอนุมัติเงิน หลังจากนานกว่าหนึ่งปีที่ซาราห์รอ เธอก็ตัดสินใจจ่ายค่ารักษาด้วยตัวเอง เพราะเธอเกิดความกังวลและเธอกลัวมันอย่างมาก เหมือนช่วงนี้กำลังเป็นนช่วงวิกฤตของเธอ

วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ถูกกันออกจากแผนการรักษา

แม้ว่าคลินิกที่มีผู้เชี่ยวชาญนี้อยู่บริเวณตอนใต้ของลอนดอน แต่ก็ยังจำกัดอายุของผู้ที่เข้ารับการรักษาที่ต้องมากกว่า 18 ปี ทำให้วัยรุ่นหลายคนยังไม่ได้รับการรักษา

ดร.เอเลน ฮันเทอร์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เป็นห่วงว่า การกำหนดเช่นนี้จะทำให้เด็กและวัยรุ่นหลายคนถูกกันออกอย่างปฏิเสธไม่ได้

“บางครั้งพวกเรารู้สึกเสียใจมากที่มีคนไข้อายุประมาณ 15 ปี ที่มีปัญหาอย่างเรื้อรังต้องการรับการรักษา แต่พวกเราไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก”

คนไข้คนหนึ่งที่เธอรักษานั้นมีอาการแบบที่ผู้ใหญ่เป็นทั้งๆ ที่เธออายุแค่ 13 เธอไม่สามารถออกนอกบ้านได้กว่า 2 ปีและมีอาการตื่นตระหนกมากกว่า 10 ครั้งต่อวันและไม่สามารถจำพ่อและแม่ได้ ดังที่ภาวะของโรคเป็น

ฮันเทอร์หวังว่า อีกไม่นานบริการเหล่านี้จะเปิดรับคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีและนอกจากนี้ เธอยังอยากให้การรักษานั้นครอบคลุมไปถึงผู้ป่วยในพื้นที่ ด้วยค่าใช้จ่ายจากหลักประกันสุขภาพ ซึ่งจะทำให้องค์ความรู้นั้นแพร่ออกไปได้กว้างมากขึ้น และพัฒนาหลักสูตรการจัดกลุ่มพฤติกรรมบำบัด ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนที่มีอาการดังกล่าว ซึ่งเธอเชื่อว่า หลักสูตรที่มีพื้นฐานมาจากการพูดบำบัดนั้นจะสามารถนำมาใช้ฝึกฝนได้เช่นกัน

 

แปลและเรียบเรียงจาก

http://www.bbc.com/news/health-41384979