ที่ผ่านมา การเดินทางของคนพิการยังนับว่า เป็นไปได้จริงลำบาก ไม่เพียงแค่อุปสรรคในการออกจากบ้านเท่านั้น การเรียกรถ การขึ้นลงหรือแม้แต่ความสบายใจในการเดินทางก็ยังเป็นประเด็นที่ทำให้คนพิการและครอบครัวนั้นหนักใจ
หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนพิการที่ใช้วีลแชร์ คนตาบอด คนหูหนวกรู้สึกไม่ปลอดภัย และพบกับความยากลำบากในการเดินทางเพราะไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่เอื้ออำนวย รถเมล์ชานสูงที่แม้แต่คนเดินถนัด ก็ยังก้าวแล้วพลาด
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2560 Uber ประเทศไทยเปิดบริการใหม่ Uber ASSIST อีกหนึ่งฟังก์ชันเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งชูจุดเด่น “Aware ตระหนักรู้ - Ask สอบถามความต้องการ - Assist อำนวยความสะดวก” ร่วมกับการอบรมพาร์ทเนอร์ร่วมขับโดยภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A- Transportation For All) ในการพัฒนาหลักสูตรกิจกรรมให้ความรู้เรื่องความพิการ
การเดินทางเป็นเรื่องของทุกคน
ศิริภา จึงสวัสดิ์ ผู้จัดการ Uber ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเดินทางสำคัญสำหรับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นทุกวัน ยังมีคนจำนวนมากที่ต้องการบริการที่เป็นมิตร ปลอดภัย และสะดวกในการเดินทาง ทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ รวมถึงผู้ใช้อื่นๆ
เสาวลักษณ์ ทองก๊วย หัวหน้าสำนักงานองค์การคนพิการสากลประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Disabled Peoples' International Asia-Pacific Region- DPI-AP) และพันธมิตร T4A กล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบขนส่งสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับประชาชน แต่หลายปัจจัยยังคงทำให้คนพิการไม่สามารถใช้บริการเหล่านั้นได้จริง ดังนั้นการประสานงานและผลักดันให้เกิดการยกระดับ ปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนที่เอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุให้สามารถออกมาดำเนินชีวิตในสังคมได้จึงสำคัญ
“เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Uber ASSIST ที่เห็นถึงปัญหาและเข้าใจความต้องการ พร้อมเสนอทางเลือกเพื่อเติมเต็มและอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ยังไม่สามารถเดินทางในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก โดยพาร์ทเนอร์ร่วมขับ Uber ASSIST จะได้ผ่านหลักสูตรกิจกรรมให้ความรู้และผ่านการทดสอบเพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการด้วยความเข้าใจ ใส่ใจ ไว้วางใจได้และที่สำคัญที่สุดด้วยความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้คนพิการได้รับประโยชน์จากบริการนี้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเวลาเดินทาง ทราบค่าเดินทางไปจนถึงความสบายใจทั้งตัวเองและครอบครัวตลอดการเดินทาง”
Uber ASSIST นิยามตัวเองว่าอะไร
แม้มีบริการที่เกี่ยวพันกับความพิการและผู้สูงอายุ แต่ฟังก์ชันนี้ไม่ใช่บริการรถพยาบาลหรือรถฉุกเฉิน หากแต่บอกว่าตัวเองเป็นผู้บริการคนที่ต้องการความสะดวกสบาย เช่น มีวีลแชร์ ใช้ไม้เท้าขาว คนพิการทางการมองเห็น หรือทางการได้ยิน ซึ่งสามารถแจ้งพาร์ทเนอร์ร่วมขับให้รู้ได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเดินทาง พาร์ทเนอร์ร่วมขับ Uber ASSIST ที่เข้าร่วมโครงการซึ่งได้เรียนรู้เรื่องความต้องการที่หลากหลาย รู้วิธีสอบถามความต้องการเฉพาะของผู้โดยสาร และวิธีอำนวยความสะดวกมาแล้ว ก็จะทำให้เกิดการเดินทางที่ราบรื่น
เนื่องจากมีรถบางคันเท่านั้นที่เป็น Uber ASSIST ดังนั้นอาจต้องรอสักครู่หลังกดเรียกบริการ โดยมีอัตราค่าโดยสารเดียวกับ UberX และ Uber FLASH และไม่มีค่าใช้จ่ายใดเพิ่มเติม
กว่าจะเป็น Uber ASSIST
ในการเป็น Uber ASSIST รอบแรกนี้ ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ทุกคนที่เป็นได้ คุณสมบัติเริ่มต้นที่คนขับจะต้องมีได้แก่
- พาร์ทเนอร์ร่วมขับที่คะแนนดาวสูง และมีประสบการณ์การขับ Uber มาแล้วมากกว่า 100 เที่ยว และเป็นรถขนาดกลาง
- พาร์ทเนอร์ผู้ร่วมขับทุกคนต้องเข้าใจ พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ที่เรียกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ หรือผู้สูงอายุ
- พาร์ทเนอร์ร่วมขับผ่านเนื้อหากิจกรรมการเรียนรู้จาก ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้
- นี่ไม่ใช่บริการรถพยาบาล
- พาร์ทเนอร์ร่วมขับได้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ให้ดูแลอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น ไม้เท้าขาว รถเข็นที่พับได้ อย่างไรก็ดี คนนั่งสามารถให้คำแนะนำการจัดเก็บและดูแลอุปกรณ์ในระหว่างทางได้
- สามารถกดเรียกให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวได้
ศิริภากล่าวว่า Uber เป็นบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ทุกคนใช้รถให้เกิดประโยชน์ โดยเป็นตัวกลางที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มีความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ทั้งการแชร์ทริป ติดตามทริป ถ้าขับแล้วเบรกบ่อยกระทันหันเกินไป มีระบบตรวจจับ เพื่อสร้างระบบเพื่อนร่วมเดินทาง ส่วนกฎหมายตอนนี้แม้จะยังไม่มีการรองรับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติหากมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ก็จะต้องใช้เวลาออกกฎหมาย ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนนั้นก็มีกฎหมายออกมารองรับแล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ในพม่าและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นจึงหวังว่า ในประเทศไทยก็ไม่น่าจะนานเกินไป
นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้ว Uber เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีรถแท็กซี่ที่อยากจะเข้าสู่ระบบร่วมเดินทางด้วยเช่นกัน ด้วยระบบบริการใหม่ที่ชื่อ Uber Flash ที่เป็นรถแบบไหนก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ฉะนั้นทุกวันนี้ผู้ร่วมขับก็มีที่ใช้แท็กซี่ แต่อย่างไรก็ดีต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและขั้นตอนทุกอย่างตามมาตรฐาน
ท้ายที่สุดการเป็น Uber นั้นคือชุมชนที่ทั้งคนขับและคนนั่งจะต้องให้คะแนนกันและกัน ตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะเป็นการทำให้รู้ว่ามาตรฐานเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อคัดกรองคนที่ไม่ถึงมาตรฐานและจัดอบรม ทำกิจกรรมการเรียนรู้เพิ่มเติม หรือตัดสิทธิการขับ
คนพิการได้อะไรจากการมี Uber ASSIST
เสาวลักษณ์กล่าวว่า กรุงเทพฯนั้นติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองที่คุ้มค่าแก่การท่องเที่ยว คุ้มค่าแก่การมาพักผ่อน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของหน่วยงานสำคัญๆ ของโลกหลายแห่ง มากไปกว่านั้น ในอนาคตอันใกล้ไทยยังถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน และพาร์ทเนอร์ของงานด้านพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง จากข้อมูลเหล่านี้ทำให้เห็นการหมุนเวียนและการใช้งานของคนหลายกลุ่ม ไม่เพียงแต่เฉพาะคนที่มีร่างกายแข็งแรง แต่กลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุที่กำลังจะเพิ่มตัวอย่างมากก็เป็นประชากรกลุ่มหลัก ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อกลไกการพัฒนา
ในกรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุอายุมากกว่า 60 ปี จำนวนกว่า 800,000 ราย โดยร้อยละ 92 นั้นยังสามารถออกมาใช้ชีวิตได้ และตามสถิติขององค์การสหประชาชาติที่กล่าวว่า ในแต่ละพื้นที่จะมีคนพิการนับเป็นร้อยละ 15 จึงเท่ากับว่าในกรุงเทพฯ จะมีคนพิการกว่า 840,000 คนอาศัยอยู่
จำนวนที่มากมายขนาดนี้ จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างไร
เสาวลักษณ์ชี้ปัญหาว่า แม้ในตอนนี้จะมีรถสาธารณะแต่ก็ยังต้องอาศัยการเชื่อมต่อในจุดเชื่อมต่อหลายที่ เช่น รถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นบริการที่คนพิการเข้าไม่ถึง จึงทำให้คนพิการไม่สามารถออกมาร่วมกิจกรรมนอกบ้าน กิจกรรมทางสังคมและลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนๆ นั้น
เสาวลักษณ์ทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ดีจะมีการประเมินผลการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟีตแบคการทำงานและให้ข้อเสนอแนะต่อไป
ศิริภา(ซ้าย) เสาวลักษณ์ (ขวา)
ด้านศิริภากล่าวว่า แนวคิดเริ่มต้นจากการคิดว่า การเดินทางเป็นเรื่องของทุกคน จึงทำให้ Uber เริ่มฟังก์ชันนี้ขึ้น โดยเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ และอาจขยายต่อไปยังจังหวัดอื่นเช่น เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น ฯลฯ โดยพาร์ทเนอร์ร่วมขับที่เข้าโครงการจะมีประสบการณ์เบื้องต้นในเรื่องความพิการ
ศิริภาเล่าว่า Uber Assist นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองฮูสตัน ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2557 ต่อมาจึงค่อยๆ ขยายเข้าสู่ประเทศในแอเชีย และไทยตามลำดับ โดยปัจจุบัน มีพาร์ทเนอร์ร่วมขับที่เข้าร่วม 39 คันและจะมีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้น โดยคนขับที่สนใจเมื่อเข้าร่วมจะได้รับการเพิ่มเติมประสบการณ์ได้แก่ ข้อมูลเทคนิค เช่น การช่วยเหลือคนหูหนวก คนตาบอด หรือการจัดเก็บวีลแชร์ และความรู้ความเข้าใจในความต้องการของคนพิการ และเทคนิคในการช่วยเหลือ
แค่รู้จักคนพิการไม่พอ ต้องเข้าใจเรื่อง “สิทธิคนพิการ” ด้วย
เสาวลักษณ์กล่าวว่า Uber เป็นที่แรกที่อบรมพนักงานในเรื่องของสิทธิคนพิการ โดยให้คนขับมีส่วนร่วมกับคนพิการ ทั้งในเรื่องของทัศนคติ ความต้องการของคนพิการ และการมองว่า คนพิการก็คือลูกค้าคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องสงสาร ไม่ต้องสงเคราะห์ และน่าจะเป็นตัวอย่างให้กับบริการรถสาธารณะอื่นๆ ในการบริการคนทุกคนอย่าเท่าเทียม และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
วิธีใช้บริการ Uber ASSIST
| 1. ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Uber 2. ใส่จุดเริ่มต้นและสถานที่ปลายทาง 3. กดเลือก Uber ASSIST โดยตัวเลือกอื่นจะกลายเป็นสีเทา 4. กดเรียกรถแล้วเตรียมตัวให้พร้อมระหว่างรอรถมารับ 5. หากต้องการความช่วยสามารถแจ้งกับพาร์ทเนอร์ร่วมขับ ล่วงหน้าได้ด้วยการโทรหรือส่งข้อความในแอพ
|