Skip to main content

หญิงพิการใช้วีลแชร์ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำหลังต้องต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักที่ไม่มีความปลอดภัย และไม่แม้แต่จะออกจากประตูบ้านได้สะดวก ตอกย้ำผลการศึกษาที่ชี้ว่า คนพิการในสหราชอาณาจักรขาดแคลนบ้านพักที่พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสม

เดือนที่แล้วหลุยส์ ประสบอุบัติเหตุในห้องน้ำที่บ้านพักของเธอเอง และเมื่อเรียกสติคืนมาได้อีกครั้ง เธอฟุบอยู่บนพื้นห้องน้ำโดยมีเลือดที่ไหลออกจากศีรษะเปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นกระเบื้องอย่างน่ากลัว


ภาพหลุยส์ขณะอยู่ที่บ้าน

“ฉันมองเห็นแต่สีแดง” หลุยส์กล่าว

ห้องน้ำที่เธอใช้นั้นมีขนาดเล็กมาก เล็กจนกระทั่งว่าไม่สามารถปิดประตูได้เมื่อเอาวีลแชร์เข้าไป นั่นหมายความว่า หลุยส์แทบไม่มีพื้นที่ให้ขยับตัว

ฟรานเซส ไรอัน คอลัมนิสต์เดอะการ์เดียน หนังสือพิมพ์ชื่อดังของอังกฤษรายงานว่า ผู้หญิงที่มีรายได้น้อยกำลังถูกปล้นเกียรติยศและถูกบังคับให้เลือกระหว่างอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ถูกสุขอนามัยเพียงพอแค่สำหรับการดำรงชีวิต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลุยส์ล่าสุดทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เพราะหลุยส์วัย 33 ปี มีปัญหาสุขภาพหลายด้านไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับไต และโรคลมบ้าหมู อีกทั้ง 4 เดือนที่ผ่านมา เธอต้องเผชิญปัญหาอีกหนึ่งอย่างคือ ต้องอาศัยอยู่ในที่พักที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนนั่งวีลแชร์อย่างเธอได้

ห้องน้ำในบ้านพักของหลุยส์ไม่มีราวจับ ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จะช่วยให้คนพิการสามารถพยุงตัวเองเคลื่อนย้ายไปได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นเมื่อหลุยส์ประสบอุบัติเหตุในห้องน้ำและเธอต้องเคลื่อนตัวเองเพื่อไปหยิบโทรศัพท์และโทรขอความช่วยเหลือ หลุยส์จึงต้องดึงตัวเองขึ้นจากพื้นห้องน้ำด้วยแรงแขนของเธอเองทั้งที่แขนของเธอนั่นสั่นอย่างรุนแรง เพราะออกแรงเกินกำลัง

แต่เรื่องเลวร้ายยังไม่จบ เมื่อรถพยาบาลมาถึง ความกังวลใจของหลุยส์ไม่ใช่เลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะ แต่เป็นความสงสัยว่าเธอจะถูกนำตัวขึ้นรถไปโรงพยาบาลได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่สามารถออกจากที่พักได้ ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือหลังบ้านของเธอ เพราะมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่มากและไม่มีทางลาด ดังนั้น เพื่อจะพาหลุยส์ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะไปโรงพยาบาลให้ได้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องให้เธอนอนเหยียดตัวตรงในเปลหาม และยกเธอข้ามสิ่งกีดขวางออกมาอย่างทุลักทุเล

สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลุยส์ถือเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากในบริบทบ้านที่เป็นอันตรายต่อคนพิการ บ้านที่คนพิการใช้ชีวิตภายในนั้นได้ยากลำบาก หรือบ้านที่เหมือน “กับดักสัตว์” มากกว่าบ้านของมนุษย์

พันธะสัญญาที่เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษเคยให้คำมั่นในการสร้างที่พักอาศัยนั้นนับว่า ถูกเพิกเฉยราวกับไม่เคยเกิดข้อสัญญานี้ขึ้น ราวกับว่า จำนวนบ้านพักซึ่งคนพิการที่เพียงพอ ที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพนั้น ไม่มีค่าพอให้ใส่ใจจะพูดถึง

ปัจจุบัน มีคนพิการราว 1.8 ล้านคนในประเทศอังกฤษที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนบ้านที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย จากผลการวิจัยของ London school of Economics ร่วมกับกลุ่มคนพิการพบว่า พ่อแม่ที่มีลูกพิการมักตกจากบันได เพราะพยายามยกลูกที่พิการนั่งวีลแชร์ขึ้นไปยังชั้นบน

เช่นเดียวกับหลุยส์ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านแม่ของเธอ สุขภาพของเธอแย่ลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา วิธีเดียวที่หลุยส์จะสามารถพาตัวเองออกจากห้องนอนและลงไปยังชั้นล่างของบ้านพักได้ก็คือ เธอจะต้องใช้ก้นของเธอถัดกับพื้นลงไป แม้ว่าอาจเป็นบ้านที่พออยู่ได้แต่ก็ไม่สะดวกนักสำหรับคนพิการทางการเคลื่อนไหวอย่างหลุยส์ ยิ่งไปกว่านั้น ห้องน้ำไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทั้งหลุยส์และวีลแชร์ บวกกับไม่มีบาร์จับเพื่อช่วยเมื่อต้องการย้ายตัวอย่างปลอดภัยอีกด้วย

ตัวแทนจากสภาประจำเมืองมิลตัน คีย์เนส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทีมนักกายภาพบำบัดจากทางโรงพยาบาล ที่ให้การดูแลหลุยส์ไม่ได้เน้นเรื่องการเข้าถึงที่พักอาศัยมากนัก แต่เมื่อได้พูดคุยกับหลุยส์แล้วทราบถึงปัญหา และรับรู้ว่าบ้านพักหลังนี้เล็กเกินไปสำหรับเธอที่ต้องการพื้นที่และความปลอดภัยในการใช้สถานที่มากกว่านี้

บ้านหลังนี้มีห้องครัวขนาดเล็ก แต่ก็ยังใหญ่พอที่จะเอาวีลแชร์เข้าไปในนั้นได้ แต่ไม่สามารถหมุนหรือเลื่อนได้สะดวก และเมื่อห้องน้ำไม่เอื้อต่อเธอ การอาบน้ำของหลุยส์ต้องอาศัยฟองน้ำ สบู่ และชามใส่น้ำ คล้ายๆ การเช็ดตัว หลุยส์ต้องทำอย่างนี้ 2 ครั้งต่อวัน ถ้าเธอจะสระผม ก็จะเอาศีรษะพาดไปที่อ่างอาบน้ำ โดยมีแม่ผู้เป็นคนช่วยเหลือ ดึงเอาฝักบัวอาบน้ำมาให้สำหรับการสระผม

อย่างไรก็ดี หลุยส์ปฏิเสธผู้ดูแลที่ถูกส่งมาจากรัฐ ด้วยเหตุผลว่า ผู้ดูแลที่ถูกส่งมาเป็นผู้ชาย ซึ่งบางครั้งจะต้องช่วยเธอแต่งตัว หรือการที่เธอต้องทำธุระส่วนตัวด้วยกระโถนมากกว่าการเข้าห้องน้ำจริง โดยหลุยส์จะเลือกจ้างผู้ช่วยโดยตรง ซึ่งเป็นสิทธิคนพิการในการเลือกผู้ที่จะมาดูแลด้วยตนเอง แต่ก็ได้รับการแจ้งว่า ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการอนุมัติคำขอดังกล่าว เพราะการจ่ายเพื่อจ้างผู้ดูแลโดยตรง (direct payments) เป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม หากผ่านการอนุมัติ จะต้องใช้เวลาราว 2-3 สัปดาห์ในกระบวนการจัดการ

---

การใช้ชีวิตเช่นนี้เหมือนกับติดกับอะไรสักอย่าง ตั้งแต่หลุยส์ใช้ชีวิตในที่พักแห่งนี้ เธอได้ออกจากบ้านเพียง 5 ครั้ง เพื่อไปพบแพทย์ โดยมีเจ้าหน้าที่รถพยาบาลมาช่วยรับไป

“ฉันต้องติดอยู่ในนั้นอย่างถาวร” หลุยส์กล่าว

สภาผู้รับผิดชอบประจำเมืองกล่าวว่า ไม่มีที่พักอื่นซึ่งสามารถใช้วีลแชร์ได้ และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อไหร่ที่จะมีสถานที่ที่พร้อมสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว การสร้างบ้านพักมักจะไม่เพียงพออยู่เสมอ ทำให้ทางสภาเองก็ไม่มีบ้านสำรองไว้สำหรับผู้เช่าที่เป็นคนพิการที่มีใช้วีลแชร์

ก่อนที่จะมีอาการเจ็บป่วย หลุยส์จ่ายเงินให้กับบริษัทจอห์น เลวิส เพื่อเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าหรือตลาดที่บริษัทนี้ดูแลอยู่สำหรับการทำอาชีพและหารายได้ แต่ในปัจจุบันเธอมีรายได้จากเบี้ยสวัสดิการจากทางรัฐทางเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเช่าพื้นที่ได้ ซึ่งต้องใช้เงินราว 900 ปอนด์ต่อเดือนในการจ่ายค่าเช่าที่

หลังเกิดเรื่องหนึ่งสัปดาห์ สภาประจำเมืองแจ้งว่า ทางลาดถาวรที่ประตูหน้าและห้องอาบน้ำที่สามารถอาบได้อย่างสะดวกได้รับการอนุมัติให้สร้างที่บ้านพักปัจจุบันของหลุยส์แล้ว แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่า งานก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และใช้เวลาในการสร้างยาวนานเท่าใดกว่าจะเสร็จสมบูรณ์

ในระหว่างนั้น หากหลุยส์ต้องการอยากจะออกไปข้างนอกบ้านพัก เธอก็สามารถทำได้ แต่ด้วยวิธีการ “มอง” โลกภายนอกจากข้างในบ้านเธอนั่นเอง  

“ฉันสามารถออกไปไหนมาไหนได้โดยทางหน้าต่างและได้รับแสงแดดจากทางนั้น” หลุยส์กล่าว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลุยส์ไม่สบายใจไปทั้งอาทิตย์ ความเครียดมีผลทำให้โรคหัวใจของเธอแย่ลง แต่หลุยส์ก็ไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะเธอออกจากบ้านไม่ได้ หลุยส์มีความคิดที่จะเขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษด้วยความหวังว่า จะมีใครสักคนยอมรับฟังเธอบ้าง

“มันช่างเป็นสิ่งที่เลวร้าย ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก” หลุยส์กล่าว

 

แปลและเรียบเรียงจาก

https://www.theguardian.com/commentisfree/2017/oct/12/britains-hidden-scandal-disabled-people-trapped-homes-accessible-housing