Skip to main content

หนุ่มพิการไร้แขนชาวอเมริกัน สร้างปรากฏการณ์ใช้เทคโนโลยีสร้างแขนกล กลายเป็นมือกลองแขนกลคนแรกของโลก ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่ง “มือรัวกลองที่เร็วที่สุดในโลก” ไปโดยปริยาย

เจสัน บาร์นส์ (Jason Barnes) หนุ่มอเมริกันผู้รักในเสียงดนตรีกลายเป็นคนพิการจากอุบัติเหตุระเบิดระหว่างทำงาน เมื่อตอนอายุ 22 ปี กระแสไฟฟ้ากว่า 22,000 โวลต์จากอุบัติเหตุครั้งนั้นเผาไหม้ร่างกายบางส่วนของเขา จนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

“ผมรู้สึกว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สูญเสียทุกอย่างที่มีในชีวิต รวมไปถึงเป้าหมายทางดนตรีของตัวเอง เหมือนทั้งชีวิตถูกกระชากจากผมไป” เจสันกล่าว

หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจสันและทีมแพทย์ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิมมากที่สุด แต่ทว่าแขนของเขาก็ถูกเผาไหม้จนใช้การไม่ได้ จึงต้องเสียแขนข้างขวาใต้ข้อศอกไปในที่สุด

สำหรับเจสัน ดนตรีคือชีวิตของเขาและคงเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดเมื่อแขนไม่สามารถตีกลองได้อีกต่อไป เหมือนชีวิตของเขานั้นจะมืดมนลงเรื่อยๆ และคงจบลงในที่สุด แต่ใครจะรู้ว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเมื่อเจสันได้พบกับ กิล ไวน์เบิร์ค (Gil Weinberg)  ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยีทางดนตรีและนักประดิษฐ์หุ่นยนต์ จากสถาบันจอร์เจีย เทค (Georgia Tech: Georgia Institute of Technology) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีทางดนตรีในสหรัฐอเมริกา

ไวน์เบิร์คได้ยินเรื่องราวของเจสันและตกลงจะทำให้นักดนตรีคนนี้กลับมาทำในสิ่งที่เขารักได้อีกครั้ง โดยการคิดค้น ‘แขนกล’ ที่ไม่ใช่แขนกลธรรมดา แต่ต้องช่วยให้เจสันสามารถตีกลองได้อย่างที่เขาเคยทำ โดยพยายามทำให้แขนกลใช้งานได้ดีที่สุดเพื่อ ‘ปิดช่องหว่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกล’ เมื่อความต้องการทางดนตรีและวิทยาศาสตร์มาเจอกัน  เจสันและไวน์เบิร์คร่วมทีมกันสร้างแขนกลที่มีอานุภาพมากกว่ากำลังแขนของมนุษย์ จึงทำให้เจสันสามารถรัวกลองได้ถี่มากกว่าคนทั่วไปถึง 40 ครั้งต่อวินาที มากกว่าคนธรรมดาเป็นเท่าตัว  สิ่งที่ท้าทายความสามารถของทีมนักประดิษฐ์คิดคนก็คือ จะทำยังไงให้เจสันสามารถควบคุมการตีกลองได้ด้วยการคิด

ในครั้งแรก ทีมงานใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า EMG (Electromyography) หรือการตรวจกล้ามเนื้อด้วยคลื่นไฟฟ้า เครื่อง EMG จะส่งสัญญาณไปยังแขนของเจสัน โดยสัญญาณเหล่านั้นส่งผ่านมาจากสมอง ซึ่งจะทำให้เจสันสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เพียงแค่คิดถึงสิ่งนั้น

แต่ความสามารถและพรสวรรค์ของเจสันต้องการอะไรที่มากกว่า ทีมงานจึงเลือกใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเพื่อทำให้การส่งสัญญาณจากการคิดของเจสันชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนคือ การคิดจากสมอง ส่งมายังกล้ามเนื้อและส่งมายังแขนกลของเจสัน จากการทำงานลักษณะนี้ ทำให้เจสันกระดิกและควบคุมนิ้วมือกลของตัวเองทั้งห้านิ้วด้วยการคิด

สำหรับไวน์เบิร์คและเจสัน นี่เป็นเพียงความสำเร็จขั้นต้นที่พวกเขายังต้องพัฒนาต่อ ในอีกห้าหรือหกปีข้างหน้า แขนกลที่ได้รับการพัฒนาในวันนี้ อาจมีเวอร์ชันใหม่ๆ ที่ดียิ่งขึ้น ความร่วมมือระหว่างเจสันและทีมงานของไวน์เบิร์คถือเป็นการพยายามทำสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครลงมือทำมาก่อน และเป็นการตั้งคำถามกับทุกสิ่งรอบตัว ทำให้คนพิการได้แสดงออกถึงความสามารถที่ตนมี ไม่ใช่แค่ความพิการแต่เป็นสุดยอดความสามารถที่ความพิการไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป

 

แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.facebook.com/freethinkmedia/videos/1494631570664149/