Skip to main content

อูดิ พอลลัค (Udi Pollak) นักออกแบบด้านการเข้าถึงของคนพิการชาวอิสราเอลซึ่งนั่งวีลแชร์ ถูกปฏิเสธให้นำแบตเตอรี่ของวีลแชร์ไฟฟ้าไปด้วยขณะบิน จนทำให้เขาตกเครื่องทั้งที่วีลแชร์ไฟฟ้าของเขานั้นมีใบรับรองแล้ว

อูดิรออยู่หน้าทางเข้าเครื่องบิน

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา อูดิต้องเดินทางจากที่พักที่เชียงใหม่ซึ่งเขาอยู่อาศัยมา 3 ปีแล้ว ด้วยสายการบิน Thai VietJet Airlines เพื่อร่วมงานประชุมจัดโดย International Association of Universal Design (IAUD) ที่กรุงเทพฯ ที่ตนร่วมเป็นวิทยากร ทั้งนี้ นี่เป็นการเดินทางคร้งแรกของเขาและสายการบิน Thai VietJet Airlines ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำจากเวียดนามที่เพิ่งเปิดให้บริการในไทยได้ไม่นาน

แบตเตอรี่ของเขาเป็นแบตเตอรี่แบบแห้ง (dry Lithium Ion) ขนาด 10Ah ซึ่งได้รับการรับรองว่าสามารถบินได้ โดยก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง เขาได้ส่งรายละเอียดแบตเตอรี่ พร้อมกับสำเนาใบอนุญาตเดินทางโดยเครื่องบิน หลังจากนั้นเขาได้รับอีเมล์ตอบจากสายการบินว่า ที่นี่ไม่มีนโยบายขนถ่ายรถเข็นไฟฟ้า (ตามข้อมูลจากเว็บไซต์สายการบิน https://www.vietjetair.com/Sites/Web/en-US/NewsDetail/baggage-service/%20383/baggage-service) เขาตกใจมากจึงโทรไปถามคอลเซ็นเตอร์และได้รับคำตอบแบบเดียวกัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า พนักงานภาคพื้นดินอาจจะอนุญาตให้บิน แต่อูดิก็ไม่มั่นใจจึงขอเงินคืน แต่สายการบินไม่สามารถคืนเงินให้ได้

สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเดินทางด้วยสายการบินนี้ เมื่อไปที่สนามบิน พนักงานใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงตรวจสอบแบตเตอรี่ จนยอมออกตั๋วให้และพาไปที่ทางออกขึ้นเครื่อง หลังจากนั้นเขาโดนตรวจแบตเตอรี่อีกรอบโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน


เวลากว่า 90 นาทีที่ตรวจทำให้เที่ยวบินล่าช้า เขาถูกพาไปที่ประตูขึ้นเครื่อง แต่กลับไม่ได้ขึ้นเครื่องในวินาทีสุดท้าย หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่สนามบินเสนอทางออกให้อูดิถอดแบตฯ ออกและส่งตามไปทางไปรษณีย์ ซึ่งแบตฯ จะถึงกรุงเทพในเวลาสองวัน เขาไม่รับข้อเสนอนี้เพราะหากไม่มีแบตฯ เขาก็ไม่สามารถใช้วีลแชร์ได้จึงตัดสินใจซื้อตั๋วใหม่จากสายการบินอื่น และเดินทางมาร่วมงาน แต่ก็ไม่ทันเวลาอยูู่ดี


ภาพของบัตรโดยสาร และประตูขึ้นเครื่อง ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าพาเขาออกมาที่ประตูดังกล่าว เครื่องบินก็ได้วิ่งออกจากที่จอดไปโดยไม่มีเขา

ThisAble.me ได้มีโอกาสพูดคุยกับอูดิถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีความคืบหน้าดังนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ อูดิได้ส่งจดหมายร้องทุกข์ไปยังหน่วยบริการลูกค้าของสายการบิน Thai VietJet Airlines และได้รับคำตอบว่า ทางสายการบินจะให้ส่วนลดในการซื้อตั๋วเครื่องบินครั้งต่อไป ในมูลค่าเท่ากับไฟล์ทที่เขาพลาดไป อูดิปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราบใดที่สายการบินยังไม่อนุญาตให้วีลแชร์ของเขาขึ้นเครื่องบินหลังจากนั้นเขาจึงส่งเรื่องนี้ไปยังกระทรวงการท่องเที่ยว จนทำให้เมือวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา สายการบินดังกล่าวติดต่อเพื่อขอคืนเงินค่าโดยสารทั้งหมดให้แก่เขา แต่ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ กับเวลา ความรู้สึก และการเลือกปฏิบัติที่ได้ทำต่ออูดิ

ทั้งนี้ อูดิเคยบินในประเทศอยู่บ่อยครั้ง สายการบินที่เขาชื่นชอบเพราะบริการดี และใส่ใจในเรื่อความต้องการพิเศษคือสายการบินแอร์เอเชีย ไทยแอร์เวย์และแบงคอกแอร์ไลน์ ซึ่งทำตามกฎนานาชาติของสายการบินที่ต้องบริการผู้โดยสารที่มีความพิการด้วยความเคารพ และมีการอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ในระดับสูงในการช่วยเหลือคนที่มีความต้องการพิเศษ โดยสายการบินเหล่านี้ยินดีให้วีลแชร์ไฟฟ้าขึ้นเครื่อง โดยมีการแบกระหว่างแบตเตอรี่ที่ถือขึ้นเครื่อง กับวีลแชร์ที่โหลดใต้เครื่อง


สำหรับสายการบินในอิสราเอล อูดิได้แลกเปลี่ยนว่า  เช่นเดียวกับเกือบทุกสายการบินทั่วโลก สายการบินของอิสราเอลก็ปฏิบัติตามกฎของ FAA (the American Federal Aviation Administration) ที่ระบุถึงเรื่องสิทธิความเท่าเทียม และการบริการที่เสมอภาคของผู้โดยสารทุกคน รวมถึงผู้โดยสารที่มีความพิการและความยากลำบากอื่นๆ กฎเหล่านี้ถูกระบุอยู่ในกฎการบินที่เผยแพร่โดย
US Department of Transportation (https://www.transportation.gov/airconsumer/passengers-disabilities) ซึ่งโฟกัสในเรื่องการห้ามเลือกปฏิบัติ ทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการของสายการบินและสนามบิน

อูดิได้ให้ข้อเสนอกับทาง Thai VietJet และสายการบินอื่นว่า หากยังไม่สามารถปฏิบัติกับผู้โดยสารให้ทุกคนให้เท่าเทียมกัน ก็อยากจะให้ทบทวนกฎระเบียบการบินใหม่อีกครั้งเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบของสายการบินให้ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อบริการผู้โดยสายพิการ หรือมีความต้องการพิเศษ และควรอบรมเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการให้มีความเข้าใจและบริการผู้โดยสารอย่างเห็นคุณค่าและเท่าเทียมกันกับผู้โดยสารคนอื่นๆ