Skip to main content

ในออฟฟิศสีขาวที่ถูกจัดวางอย่างทันสมัย โลโก้สามเหลี่ยมสีส้มเห็นได้ชัดทั่วบริเวณ "คนเท่าเทียมกัน ไทยเท่าทันโลก" เป็นสโลแกนของพรรคอนาคตใหม่ที่ใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วคนพิการจะเท่าเทียมกันและเท่าทันโลกได้อย่างไร ชวนคุยกับศิริกัญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่ ถึงปัญหา และนโยบายด้านคนพิการที่พรรคจะทำ รวมทั้งคำเชิญชวนที่อยากเห็นทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องการเมืองให้มากขึ้น

คนพิการคือใครสำหรับอนาคตใหม่

ศิริกัญญา: คนพิการคือคนที่มีความแตกต่างหลากหลายแบบหนึ่ง เหมือนกับทุกคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย แต่ความแตกต่างนี้ไม่ควรเป็นข้อจำกัดที่ทำให้เข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆ ทั้งสิทธิขั้นพื้นฐานและบริการสาธารณะต่าง ๆ อันเป็นหน้าที่ที่รัฐต้องจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสิทธิได้

ปัญหาของคนพิการในปัจจุบัน

หนึ่ง ที่เห็นได้ชัดคือการเข้าไม่ถึงสิทธิเรื่องบริการสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นขนส่งสาธารณะที่ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับคนพิการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นในระบบขนส่ง

สอง การเข้าไม่ถึงสวัสดิการต่างๆ ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ ตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า มีคนพิการแค่ 60% ที่ได้รับเบี้ยคนพิการ ทั้งที่เป็นสวัสดิการที่รัฐจัดให้กับคนพิการทุกคนถ้วนหน้า

สาม การจัดบริการต่างๆ ที่มักแยกกันระหว่างคนพิการกับคนไม่พิการ ซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่จำเป็น เช่น หากเด็กพิการร่างกายสามารถเรียนรวมได้ ก็ควรได้เรียน ไม่ใช่แยกเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ โดยที่ภาครัฐก็ต้องจัดการเรื่องบุคลากร สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างของโรงเรียนในการเรียนรวม และมีโรงเรียนการศึกษาพิเศษเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

สี่ การเข้าถึงงานและแหล่งทุนต่างๆ คนพิการจำนวนมากมีศักยภาพที่จะทำงานได้ในสายงานหลากหลาย ไม่ได้จำกัดเพียงแค่งานไม่กี่แบบที่รัฐเคยมอง รัฐต้องเปลี่ยนมุมมอง วิธีคิด และทำลายกำแพงนี้ รวมถึงจัดการอบรมอาชีพอื่น ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์ดอกไม้ หัตถกรรม ช่างซ่อม ฯลฯ เพื่อให้คนพิการปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่

ปัญหาอีกส่วนที่สำคัญก็คือ กฎระเบียบต่างๆ ที่แยกกันทำ ไม่ว่าจะเรื่องการคมนาคม คนพิการออกจากอาคารแล้วใช้ทางเท้าไม่ได้ใครเป็นคนจัดการ จากทางเท้าไปที่ขึ้นรถเมล์ใครจัดการ หรือเรื่องหลักประกันสุขภาพ ที่ใช้สิทธิได้บ้าง ไม่ได้บ้างเพราะกระบวนการที่ไม่มีระบบและขาดความยืดหยุ่น

นโยบายคนพิการของพรรคอนาคตใหม่

อย่างแรกที่เป็นนโยบายหลักของพรรคด้วยคือ การโอบรับความหลากหลาย ซึ่งนโยบายนี้ไม่เพียงได้ประโยชน์เฉพาะคนพิการ แต่ทุกคนในสังคมจะได้ประโยชน์เช่นกันก็คือเรื่องของการส่งเสริมการออกแบบเพื่อทุกคน ซึ่งจะทำใน 4 เรื่องด้วยกัน ทั้งการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ การออกแบบอาคารและพื้นที่นอกอาคาร จัดการผังเมือง ไปจนถึงการพัฒนาด้านไอทีด้วย โดยทั้งสี่อย่างนี้จะเน้นเรื่อง User Experience เป็นหลัก คนใช้จะต้องมีประสบการณ์ในการใช้ได้ดี และได้มีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่ต้น ได้ทดสอบมาตรฐานกลาง และส่งต่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่ในการปรับปรุงพื้นที่หรือผังเมืองเอาไปใช้ ทั้งนี้การจัดทำจะต้องเป็นไปตามหลักและมีโครงสร้างที่เป็น Universal Design

สอง การเข้าถึงบริการสาธารณะ ทั้งเรื่องการศึกษา เงินสวัสดิการคนพิการ ในนโยบายการศึกษา อนาคตใหม่จะลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการศึกษาครั้งใหญ่เรียกว่า Mega Project เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากห้องเรียนจะต้องมีอุปกรณ์การเรียนทันสมัยครบครันแล้ว  ต้องสามารถรองรับนักเรียนที่มีความพิการได้ด้วย นอกจากนี้เบี้ยคนพิการเดิมที่ 800 บาทนั้นไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ จึงจะสนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 บาทต่อเดือน และการันตีถึงความครอบคลุม ผ่านกลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเข้าใจพื้นที่ และรู้จักคนพิการเป็นอย่างดี นอกจากนี้คนพิการที่ไม่มีอาชีพหรือไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมเป็นพิเศษ

สาม การเข้าถึงอาชีพ จากสถิติพบว่า จากคนพิการเกือบ 2 ล้านคน มีคนที่สามารถประกอบอาชีพได้เพียง 2 แสนคน ในขณะที่อีก 5 แสนคนมีศักยภาพที่จะประกอบอาชีพได้แต่ไม่ได้รับโอกาส ที่ผ่านมาเรามี พ.ร.บ.คนพิการที่ระบุให้บริษัทที่มีพนักงาน 100 คนต้องจ้างงานคนพิการ 1 คน แต่หลายครั้งบริษัทก็เลือกวิธีที่ง่ายคือจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ หรือใส่ชื่อแต่ไม่ให้ทำงานจริง การแก้ไขเรื่องนี้ จึงต้องทำงานตั้งแต่ขั้นวิธีคิดของบริษัท การอบรมความพร้อม การให้ตัวอย่างของการทำงาน รวมถึงเงินอุดหนุนการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่บริษัทใช้ปรับปรุงสถานที่ด้วยระบบเงินกองทุน หรือหากต้องใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ การได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก็อาจสร้างแรงจูงใจได้ เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงอาชีพที่สามารถใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ จะสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันคนหันไปเป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น อาชีพของคนพิการจึงต้องก้าวให้ทัน เงินกองทุนคนพิการที่มีอยู่หมื่นกว่าล้านสามารถนำมาสนับสนุนให้เกิดคอร์สฝึกอบรม รวมถึงการให้คนพิการใช้ต่อยอดความรู้ตามที่สนใจเองได้ เช่น คอร์สสอนออนไลน์ต่างๆ ที่หลายบริษัทได้มีเปิดสอนอยู่แล้ว

สี่ ผลักดันให้เกิดศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศ ในรูปแบบของศูนย์ดำรงชีวิตอิสระ (Independent Living Center) ที่ตอนนี้ทั้งประเทศมีเพียง 8 ศูนย์ ศูนย์นี้จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในการใช้ชีวิต แนะนำเรื่องสิทธิ และพิทักษ์สิทธิในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นที่กายภาพบำบัด ออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจตามหลักแนวคิดเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ส่วนนี้จะดำเนินการเป็นโครงการที่ถูกเสนอเข้ามาโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐส่วนกลางเป็นเพียงผู้สมทบ เพื่อให้ศูนย์ที่สร้างขึ้นนั้นตอบโจทย์แต่ละชุมชนอย่างแท้จริง

ห้า วางระบบ Personal Assistant(PA) หรือผู้ช่วยคนพิการ ทุกวันนี้มี PA ที่ลงทะเบียนน้อยมากจากปัญหาและระเบียบที่มี อนาคตใหม่จึงอยากปรับเปลี่ยนข้อจำกัดของการเป็น PA ที่เดิมระบุให้แต่เจ้าหน้าที่ของสมาคมคนพิการ และจัดอบรมความรู้ ทักษะเพื่อให้ PA กลายเป็นอาชีพได้จริงและคนพิการได้รับประโยชน์แท้จริง

วิธีทำให้เกิดการเรียนรวม

การเรียนรวมจะสำเร็จได้ ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสม รวมถึงบุคลากรที่ต้องเพิ่มครู Special Education ด้วย โรงเรียนในต่างประเทศมีครูที่จบการศึกษาพิเศษเข้าร่วมอยู่ในห้องเรียนที่มีนักเรียนพิการ เราให้ความสำคัญเพราะ ห้องเรียนเปรียบเหมือนภาพจำลองของสังคม หากคนพิการเรียนที่หนึ่ง คนไม่พิการเรียนที่หนึ่ง ก็ไม่ใช่ภาพจำลองของสังคมที่เราอยากเห็น การที่เด็กได้เรียนร่วมกันเขาจะได้เรียนรู้ว่า คนที่แตกต่างกันจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไร เมื่อโตขึ้นเขาก็รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวกันอย่างไรในสังคม

ทั้งนี้ ความพิการบางประเภทก็อาจจะต้องมีโรงเรียนพิเศษอยู่ แต่นักเรียนจากโรงเรียนการศึกษาบางส่วนที่สามารถเรียนรวมได้ ก็ควรเรียนรวม และโยกย้ายบุคลากรจากโรงเรียนพิเศษเข้ามาสู่โรงเรียนรวมให้เป็นปกติ

นโยบายต่างๆจะเป็นจริงได้แค่ไหน

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความสำคัญ และการมองสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานหรือเป็นแค่การสงเคราะห์ ถ้าหากเรามองว่า การทำให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตได้สะดวกเป็นการสงเคราะห์ น้ำหนักในการผลักดันนโยบายคงไม่ดีพอ แต่หากเรามองว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิที่ทุกคนต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ก็เป็นเรื่องที่ต้องผลักดันให้สำเร็จ

ก้าวต่อไปที่จะทำหลังเลือกตั้งคือ Policy Forum เป็นช่องทางที่คนทั่วไปหรือสมาชิกพรรคสามารถส่งข้อเสนอ หรือว่าร้องเรียนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้พรรคพิจารณาจัดทำเป็นนโยบาย เพราะเราไม่มีทางที่จะไปพบกับทุกคนหรือไม่สามารถมีใครสะท้อนปัญหาได้ดีกว่าตัวคนพิการได้จริงๆ ฉะนั้น ทางเดียวก็คือทางตรง ต้องเข้ามามีส่วนร่วม

ทำไมคนพิการควรเลือกพรรคอนาคตใหม่

สิ่งที่เราแตกต่างคือ อุดมการณ์หลักในเรื่องสิทธิที่เท่าเทียม และสิทธิมนุษยชน เราโอบอุ้มความหลากหลายและเห็นว่าคนต้องเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน ตัวพรรคเกิดขึ้นมาพร้อมกับอุดมการณ์หลัก 3 ข้อคือ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เชื่อว่ามนุษย์มีความเท่าเทียมกัน และเราส่งเสริมให้มนุษย์มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามสโลแกนไทยสองเท่า ได้แก่ ‘คนเท่าเทียมกัน ไทยเท่าทันโลก’

 

อ่านนโยบายคนพิการจากพรรคอื่นๆ ได้__ที่นี่__