Skip to main content

10 ธันวาคม ปีที่แล้ว หน้ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คนพิการกลุ่มหนึ่งได้จัดม็อบขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิคนพิการ โดยมีผู้ปราศรัยทั้งคนพิการและไม่พิการพูดถึงหลากหลายปัญหาคนพิการ เช่น เบี้ยความพิการ รัฐธรรมนูญ สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ

หนึ่งในผู้ปราศรัยอย่างน้ำพุซึ่งพิการรุนแรง ได้ปราศรัยเอาไว้ว่า

"วันนี้ผมอยากให้เห็นว่า คนพิการอยู่ยังไง ใช้ชีวิตแบบไหน มีคนพิการหลายคนที่พิการหนักกว่าผมและสวัสดิการบ้านเราทำให้คนอยู่ไม่ได้ เราควรพูดถึงสวัสดิการที่จะทำให้คนพิการใช้ชีวิตได้จริง ผมมาสู้ให้เพื่อนที่ไม่ได้มาอีกหลายคนในวันนี้

“ใครก็บอกว่ากฏหมายคนพิการไทยดีที่สุดในอาเซียน กฏหมายเขียนทุกอย่างทั้งคนพิการอยากเรียนต้องได้เรียน อยากทำงานต้องได้ทำ แต่หากสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เอื้อต่อคนพิการแล้วคนพิการจะไปเรียน ไปทำงานได้อย่างไร รัฐหลอกประชาชนหรือเปล่าที่บอกว่าคนพิการมีสิทธินู่น สิทธินี่ อีกทั้งเรื่องการทำงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมฯ ที่พบว่าความเป็นจริงคนพิการเข้าไม่ถึง วุฒิไม่มี บางคนไม่ต้องทำงานแล้วได้เงิน หลายคนเจอความเหลื่อมล้ำและการเอาเปรียบคนพิการเกิดขึ้น ทำไมหน่วยงานรัฐถึงไม่เคยเจอ เขาจึงต้องการปฏิรูปโครงสร้าง กระจายอำนาจไปยังหน่วยงานท้องถิ่น ไม่ใช่งบไปลงแต่ที่สมาคมจนเกิดความเหลื่อมล้ำและกระทบการดำรงชีวิตของคนพิการ

"อยากฝากถึง พม.ให้เปิดใจ ยอมรับความเป็นจริง ทั้งเรื่องเบี้ยคนพิการ การจ้างงานและโครงสร้างที่มันเหลื่อมล้ำ ถ้าเรายอมรับก็มีทางออก สุดท้ายผมอยากให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากที่รัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 พูดถึงเรื่องศักด์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่รัฐธรรมนูญล่าสุดไม่มีการพูดถึงเลย  และเราควรพูดถึงเรื่องรัฐสวัสดิการได้แล้ว" 

ผ่านไปหนึ่งปี Thisable.me คุยกับน้ำพุอีกครั้งว่าหลังข้อเสนอของเขาถูกปล่อยออกไป มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างและจุดมุ่งหมายต่อไปในการขับเคลื่อนประเด็นคนพิการคืออะไร 

น้ำพุ : หลังจากที่ม็อบจบได้ประมาณเดือนสองเดือน ก็มีข่าวว่า พม.  (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ได้มีการพูดคุยเรื่องการปรับเบี้ยยังชีพคนพิการจาก 800 เป็น 1,000 ถ้วนหน้า แต่ว่าก็เงียบหายไปจนตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม เช่นเดียวกับข้อเรียกร้องอื่น เหมือนมีการพูดคุยกันแต่ก็ไม่มีการทำอะไรออกมาเป็นรูปธรรม และคนพิการธรรมดาอย่างเราก็ไม่เคยได้เข้าไปมีส่วนร่วมเพราะรัฐมักเข้าไปคุยกับองค์กรคนพิการเสียมากกว่า 

สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งหลังจากจัดม็อบก็คือ ผู้นำคนพิการระดับประเทศหลายคนก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเรา แต่ก็ไม่มีใครออกมาแอคชั่นอะไรต่อจากนั้น แม้เห็นด้วยแต่ไม่มีใครกล้าออกมาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง บางคนก็บอกกับเราตรงๆ ว่าเขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้เพราะอยู่ภายใต้ข้อจำกัด ส่วนภาครัฐก็ไม่มีใครมาคุยกับเราเลย 

อีกเรื่องคือหลังจากจบกิจกรรมไม่นานเฟสบุ๊กของผมก็ถูกแฮก ผมไม่มั่นใจว่าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือเปล่า ก่อนหน้าวันจัดม็อบก็มีคนโทรมาข่มขู่ว่าอย่าไปยุ่งกับม็อบหรืออย่าจัดกิจกรรมอะไร 

ผมยังหวังจะเห็นการแก้รัฐธรรมนูญเพราะพวกเราหลายคนก็รู้ดีว่ามีปัญหาอย่างไร ทั้งเรื่องของที่มา ระบบโครงสร้าง เห็นได้จากปีที่ผ่านมาเสียงของประชาชนที่เข้าไปในสภาได้รับการตอบสนองน้อย แม้แต่ประชามติก็ยังไม่เคยเกิด ทุกอย่างเขาก็แก้ไขกันเบ็ดเสร็จในนั้น บ้างก็มี สว.ยกมือขัดตลอด ทั้งที่หลายเรื่องควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน

เรื่องรัฐสวัสดิการก็ยังไม่คืบหน้าทั้งที่เป็นเรื่องควรทำ นโยบายรัฐเรื่องคนพิการยังเป็นเรื่องของการสงเคราะห์ เห็นได้จากเงื่อนไขที่ผูกกับบัตรคนจน สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่รัฐสวัสดิการ ความคิดเรื่องการแบ่งแยกคนออกแบบนี้มีปัญหา รัฐสวัสดิการจึงต้องเริ่มจากการมีผู้นำที่เห็นความสำคัญของความเท่าเทียมและความเสมอภาค ต้องมองคนเท่ากันก่อนรัฐสวัสดิการถึงจะเกิดขึ้นจริงได้

ปีนี้หลังจากติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงที่ศาลตัดสินเรื่องข้อเรียกร้องการปฏิรูปว่า เป็นการล้มล้าง เราคิดว่าหลายอย่างคงขับเคลื่อนยากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการแก้กฎหมาย แม้กฎหมายหลายตัวเขียนด้วยเจตนาที่ดีแต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้จริง รัฐธรรมนูญปี 60 ทำให้เห็นเลยว่าประเด็นคนพิการถอยหลังลงไป ไม่สะท้อนว่าคนพิการต้องการอะไร ฉะนั้นกฎหมายควรเกิดช่วงที่มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ช่วงรัฐประหาร

ส่วนตัวผมมองว่าปัจจุบันกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการไม่เป็นเอกเทศ แต่เป็นหน่วยงานที่ต้องคอยฟังคำสั่งของรัฐ ทำตามนโยบายของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ทั้งที่เจ้ากระทรวงเหล่านี้อาจไม่ได้เข้าใจปัญหาของคนพิการเท่าไหร่ มองคนพิการเป็นคนที่ต้องการการช่วยเหลือหรือการสงเคราะห์

สุดท้ายถ้าจะฝากอะไร ผมคงไม่ฝากไปถึงรัฐบาล แต่อยากฝากไปถึงผู้นำคนพิการและคนพิการมากกว่าว่า ถ้าอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง คนพิการเราเองควรจะเป็นปากเป็นเสียง เพราะเราเองที่เป็นเจ้าของปัญหา รัฐไม่มีทางรู้ว่าคนพิการรู้สึกอย่างไร เขารู้แค่ว่า ให้ตังค์แล้ว ให้ประโยชน์แล้ว มีกฎหมายแล้วก็จบ ผู้นำคนพิการควรจะต้องแสดงออกให้มากกว่านี้ อย่าไปหวังว่าเขาจะเข้าใจว่าคนพิการต้องการอะไร ผมเองเป็นคนพิการธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้มีเสียงดังอะไรเมื่อเทียบกับผู้นำคนพิการ จึงเชื่อว่าถ้านายกสภาคนพิการหรือผู้นำคนอื่นพูดปัญหา ไม่กี่วันหน่วยงานภาครัฐก็ต้องติดตามหรือสอบถามความเห็นแน่นอน

 

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง 

ประมวลม็อบคนพิการ 10 ธันวา ชี้รัฐต้องสนับสนุนอาชีพ-รัฐสวัสดิการ-แก้รัฐธรรมนูญ

https://thisable.me/content/2020/12/675

“พก.”เสนอบอร์ดชาติจ่ายเบี้ยคนพิการ 1 พันถ้วนหน้า ตามข้อเรียกร้องม็อบคนพิการ

https://thisable.me/content/2021/01/681

ถ้ามีรัฐสวัสดิการชีวิตคนพิการจะเป็นอย่างไร

https://thisable.me/content/2021/01/679