Skip to main content

“กินไฮเตอร์เป็นอาหารเหรอ” เป็นคำพูดที่คนผิวเผือกต้องเจอเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ ‘คนผิวขาว’ มักถูกให้คุณค่าว่าสวย แล้วทำไมขาวมากๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกล้อเลียน?

ที่ผ่านมาเราอาจคิดว่า คนผิวดำเท่านั้นที่ถูกเหยียดและล้อเลียน แต่ใครจะคาดคิดว่า คนที่ผิวขาวมากก็ถูกเหยียดและล้อเลียนไม่ต่างกัน คนผิวเผือก (Albinism) เป็นคนกลุ่มเล็กๆ ในสังคม พวกเขาเกิดมาพร้อมกับการไม่มีเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวหนัง ผม เส้นขนและลูกตาไม่มีสีดำ และบางคนยังพบกับภาวะกล้ามเนื้อตาสั่น สาเหตุของสายตาเลือนราง 

Thisable.me ชวนรู้จักกับแป้ง - นพวรรณ แก้วใส คนผิวเผือกเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์และบล็อกเกอร์สาวนักรีวิว ที่จะพาเราไปรู้จักกับโลกของคนผิวเผือกทั้งเรื่องประสบการณ์ที่ผ่านมา  ความไม่เข้าใจของคนในสังคมและการเลือกปฏิบัติที่เธอเจอ


แป้ง - นพวรรณ แก้วใส
 

ผิวเผือกเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนไม่ค่อยรู้

แป้ง: ผิวเผือกมีสองแบบ คือผิวเผือกบางส่วนกับผิวเผือก 100 เปอร์เซนต์แบบที่เราเป็นซึ่งไม่มีเม็ดสีเมลานินเลย คนผิวเผือกบางส่วนอาจมีเมลานินน้อยหรือทำงานไม่เต็มที่ เมื่อโตขึ้นร่างกายสามารถผลิตเมลานินได้มากขึ้น สีผิว สีผมจะเข้มขึ้น ต่างจากเราที่ไม่ว่าจะอายุมากขึ้น ก็จะมีสีผิว สีผมแบบนี้ไปตลอด การมีผิวเผือกส่งผลให้เกิดอาการผิวแพ้แดด ตาแพ้แสง และมีปัญหากล้ามเนื้อตาสั่นทำให้มองเห็นเลือนราง แต่ละคนก็จะสั่นมากน้อยไม่เท่ากัน หากย้อนดูในครอบครัวก็มีแค่เรากับพี่ชายที่ผิวเผือก แต่ที่จริงแล้วผิวเผือกเกิดขึ้นได้ทุกบ้านและไม่จำเป็นว่าต้องมีญาติพี่น้องเป็นมาก่อน 

สมัยก่อนการตรวจก่อนตั้งครรภ์ยังไม่แพร่หลาย แม่เลยรู้ว่าพี่ชายมีผิวเผือกหลังคลอดออกมา หลังจากเห็นว่าลูกมีผิวเผือกก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปอีกแล้ว เขายอมรับแล้วก็เลี้ยงดูเรามาแบบระมัดระวัง เช่น พอมีลูกผิวเผือกก็ต้องระวังเรื่องการโดนแดด เพราะไม่อย่างนั้นอาจมีอาการพุพอง ผิวแดงแสบ ผิวลอก เป็นกระและผิวไหม้ตามลำดับ แถมยังเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนังมากกว่าคนทั่วไป

ความไม่เข้าใจต่อคนผิวเผือก

เท่าที่จำความได้เราก็เห็นแล้วว่าตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่น แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกหรือแตกต่าง อาจเพราะความเคยชินที่เกิดมาแล้วเป็นอย่างนี้เลยตั้งแต่ต้น แต่เมื่อโตขึ้นการบูลลี่ก็เพิ่มขึ้น บ้างก็โดนล้อเลียนเปรียบเทียบด้วยคำอย่างอีขาว อีเผือก กินไฮเตอร์เป็นอาหารเหรอ ใครเอาน้ำร้อนสาดเหรอ ฯลฯ ตอนนั้นโมโหแล้วก็โกรธแต่ทำได้แค่ฟ้องแม่ โตขึ้นมาก็ยังเจอเรื่องเข้าใจผิดบ่อยๆ เช่น คนคิดว่าคนผิวเผือกตาบอดสีหรือถ้ามีลูกก็จะผิวเผือก หรือคนมักสงสัยว่า คนเผือกเลือดสีอะไร มีประจำเดือนไหม ย้อมสีผมได้รึเปล่า แม้กระทั่งเวลาเราเดินตลาดก็ได้ยินคนพูดว่า ทำไมถึงไปฉีดผิวมาขาวขนาดนี้ หรือมองเราแปลกๆ ถ้าเราได้ยินก็จะหันไปบอกว่า เป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด ไม่ได้ฉีดผิว หลายคนไม่รู้ว่าในไทยมีคนผิวเผือกหรือเข้าใจว่าเป็นลูกครึ่ง ทั้งที่จริงแล้วผิวเผือกมีได้ทุกเชื้อชาติและทุกบ้านมีโอกาสที่จะเป็น

อีกเรื่องที่หนักหนาก็คือหลายคนมองว่า ผิวเผือกคือโรคที่เพิ่งเกิดและติดต่อได้ ทั้งที่ผิวเผือกไม่ใช่โรค เราเป็นคนเผือก เกิดมาผิวเผือกและไม่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นโรคผิวเผือกด้วย นอกจากความไม่เข้าใจ คนผิวเผือกยังเจอความรุนแรง เช่น เคสของคนผิวเผือกในแอฟริกาที่ถูกจับไปทำพิธีหรือว่าเอาไปกิน โชคดีที่เราไม่เคยเจออะไรแบบนั้น จะมีก็แต่คำแนะนำแปลกๆ อย่างมีคนมาบอกแม่ว่า ให้เอาลูกไปตากแดด แม่ซึ่งไม่มีความรู้ก็เอาพี่ชายไปตากแดด ผิวของพี่ก็เลยเสียมากกว่าผิวเรา

ตอนแรกเราไม่ได้คิดที่จะสื่อสารเรื่องผิวเผือกผ่านยูทิวบ์ (Youtube) หรอก แต่เกิดจากความขี้เกียจตอบคำถามเรื่องความขาว เลยทำคลิปขึ้นมาเพื่อตอบและพอคนทักมาถามก็ส่งคลิปไปให้ดูเลย คลิปนี้ได้รับความสนใจมากกว่าคลิปอื่นและทำให้ช่องมีผู้ติดตามถึง 1,000 คน และผู้ปกครองที่มีลูกเป็นคนผิวเผือกเข้ามาปรึกษาค่อนข้างเยอะ 

27 ปีที่ผ่านมาเรายอมรับว่าใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ เราถูกบูลลี่น้อยลงตั้งแต่อายุ 15 ปี ช่วงที่เทรนเกาหลีเข้ามา ตอนนั้นคนมองว่าขาวคือสวย คนนิยมไปฉีดกลูต้า เราก็ไม่ค่อยถูกล้อเลียน แต่ถ้าถามว่าคนรู้จักผิวเผือกเพิ่มขึ้นไหม ก็คิดว่าไม่มากเท่าไหร่ 

ผิวเผือกคือสิ่งที่ภูมิใจ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปกปิด

หลายคนบอกเราว่า ไปย้อมผมให้สีเหมือนคนปกติสิ สักคิ้วหรือปัดมาสคาร่าสิ เรามองว่า คนทั่วไปเกิดมาพร้อมธรรมชาติของเขาที่มีคิ้วดำ ขนตาดำ ผมดำ แต่ธรรมชาติของเราเกิดมาพร้อมผมขาว ผิวขาว ทุกอย่างเป็นสีขาว สิ่งนี้บาลานซ์สำหรับเราแล้ว เราพอใจ ไม่เคยรู้สึกแย่กับตัวเอง ไม่ได้อยากเปลี่ยนเป็นแบบที่คนอื่นต้องการ และไม่ต้องการอำพรางตัวเองเพื่อให้กลายเป็น “คนปกติ” เพราะเราสามารถมีชีวิตอย่างที่ธรรมชาติให้มาได้

เรามองว่า บิวตี้สแตนดาร์ด (Beauty Standard) ควรเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่ที่ใครจะพอใจอะไร ทุกคนมีสิทธิสวยในแบบของตัวเองและไม่ควรไปตัดสินว่าต้องเป็นแบบไหนถึงจะสวย คุณชอบแบบไหนคุณก็ทำแบบนั้นแต่ไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่น เพราะเราเชื่อว่า ทุกคนอยากดูดีเพื่อความมั่นใจของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ควรไปก้าวก่ายใคร สำหรับเราความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนยอมรับความหลากหลาย ทุกคนก็สามารถมีความสุขในแบบของตัวเองได้

ความพิการที่มองไม่ชัดแต่ถูกเลือกปฏิบัติ

แม้ผิวเผือกไม่ถูกนับว่าเป็นความพิการ แต่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากผิวเผือกนับว่าเป็นความพิการโดยที่คนผิวเผือกอาจไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ เนื่องจากเรากล้ามเนื้อตาสั่น ทำให้มองเห็นเลือนราง จำเป็นต้องใช้แว่นขยายเวลาอ่านหนังสือ เราเลยได้สิทธิคนพิการ บางคนถามว่าพิการตรงไหน ทำได้หมดทุกอย่างทำไมถึงได้สิทธิคนพิการ เพราะมองว่าคนพิการต้องแขนกุด ขาขาด หูหนวกหรือตาบอด ทั้งที่จริงแล้วความพิการของแต่ละคนก็แตกต่างและมีระดับ ไม่จำเป็นต้องเห็นได้ชัดเจน 

เราโชคดีที่พ่อแม่เป็นข้าราชการจึงมีข้อมูลเรื่องสิทธิคนพิการและเขาก็มองว่า การลงทะเบียนความพิการทำให้เข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้ ตอนเด็ก เราและพี่ชายมีสิทธิคนพิการกันทั้งคู่ แต่เมื่อโตขึ้นพี่ชายก็ไม่ต่ออายุบัตรคนพิการเพราะยังรู้สึกว่า การมีบัตรคนพิการทำให้คนมองแปลกๆ ขนาดไม่นานมานี้ตอนเขาตัดสินใจไปทำบัตรคนพิการอีกครั้งก็ยังเจอพยาบาลพูดเหน็บแนมว่า ไม่เห็นจะพิการยังทำบัตรอีก ทั้งที่เราและพี่ถูกจัดอยู่ในความพิการประเภทสายตาเลือนราง

สมัยเรียนมีกิจกรรมหลายอย่างที่เราทำไม่ได้ จึงโดนเพื่อนมองว่าเอาเปรียบที่ทำน้อยกว่าคนอื่นแต่สอบผ่าน เช่น กิจกรรมกลางแดดในค่ายลูกเสือ รวมถึงเจอความไม่เข้าใจเมื่อเรียนหนังสือ แม้เรานั่งแถวหน้าสุดแต่ก็มองไม่เห็นกระดาน จึงเลือกนั่งฟังเฉยๆ แล้วค่อยไปยืมเพื่อนจดทีหลัง แต่ครูกับเพื่อนบางคนก็ไม่เข้าใจและต่อว่าเราว่าไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่นั่งเฉยๆ หรือทำอะไรไม่ได้น่าจะไปอยู่โรงเรียนเฉพาะคนพิการ เราเองน้อยใจมาก ตอนนั้นคิดในใจว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ ขนาดโตมาในวัยทำงาน คนก็มองว่าเราผิวขาวเป็นลูกคุณหนู จะต้องใช้ชีวิตสบาย บางคนก็พูดเปรียบเทียบหรือเหน็บแนมในเรื่องนี้ 

ชีวิตเมื่อเริ่มเป็นที่รู้จัก

หลังทำยูทิวบ์ก็เริ่มมีคนจำเราได้ เรารีวิวสินค้าทั้งจากที่ใช้แล้วชอบเอง งานจ้างและสินค้าสปอนเซอร์ผ่านเว็บไซต์จีบัน ก่อนรีวิวสินค้าทุกตัวเราต้องลองใช้จนแน่ใจก่อน เพราะมองว่าถ้าคนไปซื้อตามแล้วใช้ไม่ดีคนจะจำเราได้แน่ ที่ผ่านมามีสินค้าที่โปรโมทว่าใช้แล้วผิวขาว ติดต่อให้เราโฆษณาว่าใช้สินค้าแล้วจึงขาว เมื่อก่อนไม่ได้ขาวเท่านี้หรือขอถ่ายถ่ายแขน ขา เพื่อเอาไปโฆษณา เราก็จะปฏิเสธไปเพราะทำไม่ลง ในเมื่อเราไม่ได้ใช้อะไรแล้วขาว แต่เกิดมาเป็นแบบนี้ซึ่งไม่ได้ขาวแค่แขน ขนก็ขาวด้วย 

ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ที่รีวิวแล้วคนไปซื้อตามเยอะๆ ได้แก่ มาสคาร่าเปลี่ยนสีผม สีย้อมผมแบบแว็กซ์ และกันแดดแบบซอง อาจเพราะผมเราขาว เมื่อเปลี่ยนสีให้ดูก็เห็นชัด และยิ่งพอเราบอกว่าแพ้แดดแต่ชอบใช้กันแดดตัวนี้ คนก็เชื่อว่าจะใช้ได้ดี ส่วนของที่ยังไม่ค่อยได้รีวิวและคิดว่าน่าจะเหมาะกับเราคือ อาหารเสริมบำรุงสายตา 

ชุมชนคนผิวเผือก

ตอนนี้ที่รวมกลุ่มกันได้ก็มีเกือบ 40 คน กลุ่มคนผิวเผือกเกิดขึ้นหลังเราเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่ว่ากลุ่มก็ยังค่อนข้างเงียบ เราเองพยายามสร้างการมีส่วนร่วม โยนคำถามต่างๆ เข้าไปให้ทุกคนได้พูดคุยกัน เช่น คุยกันเรื่องครีมกันแดดที่ชอบ แนะนำตัวและจังหวัดที่อยู่

เราอยากให้คนทั่วไปเลือกถามคนผิวเผือกตรงๆ ถ้าหากมีข้อสงสัย มากกว่าพูดซุบซิบนินทา ยิ่งบางครั้งถูกพูดผ่านอคติจนทำให้กลายเป็นคำเหยียด เช่น ขนทุกที่สีขาวเหมือนกันเหรอ แล้วขนตรงนั้นสีอะไรอ่ะ หรือการบอกว่า ผิวเผือกนี่ปังนะ มีทั้งคน ทั้งสัตว์ ก็เท่แหละแต่ถ้าเลือกได้ก็ขอไม่เป็น ประโยคเหล่านี้บางครั้งก็ไม่ใช่คำถาม แต่ออกแนวเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเราแล้วบอกว่าตัวเขาโชคดีกว่า ทั้งที่จริงๆ แล้วเราสามารถอยู่ร่วมกัน ชมกัน และยอมรับกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกันเลย

 

 ทิพยาภรณ์ ทองแช่ม - ถ่ายภาพ