Skip to main content

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่กำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน เฉพาะส่วนที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท โดยให้มีผลย้อนไปตั้งแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว

สืบเนื่องจากคดีพิพาทของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่กระทรวงการคลังใช้อำนาจตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการให้รัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนําทุนหรือผลกําไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 พ.ศ.2556 ได้ออกหนังสือในวันที่ 30 พ.ย.2559 ระบุให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ส่งเงินกองทุนให้เป็นรายได้แผ่นดินจำนวนเงิน 2,000 ล้านบาท แต่ทางสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วย และได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติให้ระงับการนําเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการส่งเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน 

ต่อมาในวันที่ 12 ม.ค.2560 รองปลัดกระทรวงการคลังได้หารือกับผู้อํานวยการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการว่า ให้ลดจำนวนการส่งคืนเงินกองทุนให้เป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากเงินสมทบที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการส่งเข้ากองทุนกรณีที่มิได้รับคนพิการเข้าทํางาน ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 อย่างไรก็ดี สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่า เงินของกองทุนไม่มีสภาพคล่องเกินความจําเป็นตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้นายจ้างจ้างคนพิการโดยไม่ต้องมาทำงานที่สถานประกอบการของนายจ้างนั้ทำให้มีเงินเข้ากอ

ทุนลดน้อยลงในแต่ละปี จากข้อมูลในปี 2559 ระบุว่า มีการจ้างงานคนพิการเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 ราย ทำให้มีการจ่ายเงินเข้ากองทุนลดลงกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในอนาคตกองทุนต้องเผชิญกับปัญหาภาวะขาดสภาพคล่องอย่างแน่นอน และคนพิการที่มีสิทธิใช้เงินกองทุนกว่า 1,700,000 คน จะไม่มีเงินทุนกู้ยืมไปประกอบอาชีพโดยไม่เสียดอกเบี้ย และไม่ได้รับเงินเอาไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการการส่งเสริมและดําเนินงานด้านการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนพิการ การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ การศึกษา และการประกอบอาชีพของคนพิการ รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนการดําเนินงานขององค์กร ที่เกี่ยวข้องกับคนพิการที่กองทุนต้องจัดสรรให้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง และไม่ได้รับสิทธิเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากสิ่งอํานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ ตลอดจนสวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 อีกด้วย สามารถอ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็มได้ที่ (https://bit.ly/3Q4gwwN)

สุนทร สุขชา ฝ่ายกฏหมายสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยระบุกับผู้สื่อข่าว Thisable.me ไว้ว่า สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยพร้อมกับกรรมการบริหารสมาคมสภาคนพิการฯ นายกองค์การคนพิการแต่ละประเภท ผู้นำคนพิการจากสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด และภาคีเครือข่าย จะร่วมอ่านแถลงการณ์คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีดังกล่าวอย่างเป็นทางการในงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 13 ส.ค. 2565 ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร