Skip to main content

 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า มีชายคนพิการโยกจักรยานรถเข็นมาจากอำเภอแม่สัน ตำบลศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยเป็นระยะทาง 300 กว่ากิโลเมตร จนกระทั่งถึงช่วงจังหวะอ่างทอง-อยุธยาจึงเป็นข่าว 

 

คนพิการดังกล่าวมีชื่อว่า นายมณฑล เพชรสังข์  อายุ 48 ปี เป็นผู้พิการทางร่างกาย โดยระบุว่าตนอยากเข้าพบเจ้าหน้าที่ของกรมบัญชีกลางและเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในส่วนกลางเพื่อทำความเข้าใจ รวมถึงอยากสะท้อนปัญหาเรื่องการเข้าถึงสิทธิของคนพิการ โดยมีเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการจังหวัดอยุธยาเข้ามาเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ 

 

“ผมถามพี่ข้อนึง ตอนที่ผมขอความช่วยเหลือพวกพี่อยู่ที่ไหน” นายมณฑลกล่าว 

 

ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระบุว่านายมณฑลเป็นผู้พิการทางร่างกายจากอุบัติเหตุพลัดตกตึก ในปี 2557 ต่อมาจึงกลับมาประกอบกิจการที่บ้านในจังหวัดสุโขทัย ซึ่งก็ได้เบี้ยคนพิการเรื่อยมา

 

จนกระทั่งเดือนตุลาคมปี 2563 ข้อมูลทะเบียนบ้านของนายมณฑลถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนกลางเพราะต้องโทษถูกดำเนินคดี และถูกระงับโดยอัตโนมัติ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าหลังสิ้นสุดการดำเนินคดีนายมณฑลไม่ได้ไปแจ้งชื่อเพื่อย้ายกลับไปยังจังหวัดภูมิลำเนาจึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับเบี้ยความพิการ 

 

เบี้ยคนพิการที่หายไป หลังถูกดำเนินคดี 

ภายหลังสิ้นสุดการดำเนินคดีนายมณฑลพยายามที่จะกลับไปทำบัตรประชาชนเพื่อจะได้รับสิทธิเบี้ยคนพิการ หลังบัตรประชาชนของตนหมดอายุแต่ก็ได้รับการปฏิเสธเนื่องจากชื่อของตนเองไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดสุโขทัย 

 

เจ้าหน้าที่แจ้งให้นายมณฑลไปนำใบสุทธิหรือใบบริสุทธิซึ่งเป็นใบยืนยันการผ่านการถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่มาที่อำเภอ แต่นายมณฑลยืนยันว่าชื่อของตนควรกลับเข้าสู่โดยอัตโนมัติเพราะตนรับโทษตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจากรายงานข่าวปรากฏว่านายมณฑลได้เคยติดต่อเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยแล้ว แต่เนื่องจากคดีเกิดขึ้นท้องที่ สภ. บางซื่อกรุงเทพฯ นายมณฑลจึงจะเดินทางไปดำเนินการเอง 

 

“ถ้าผมอยากร้องเรียนผมไลฟ์สดก็ได้ ไม่ต้องไปกรุงเทพฯ แต่ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมจะไม่พูดตรงนี้” 

 

ความยุ่งยากของเอกสาร บัตรคนพิการที่ต้องต่อทุก 6 ปี 

แม้ความพิการจะเกิดขึ้นถาวรแต่บัตรคนพิการต้องต่ออายุ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความคับข้องใจของคุณมณฑล เพราะเนื่องจากตนต้องการต่ออายุบัตรคนพิการ บวกกับบัตรประชาชนที่หมดอายุและไม่สามารถต่อได้เนื่องจากทะเบียนบ้านของตนยังอยู่ในบัญชีกลาง จึงไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้ 

 

ซึ่งนายมณฑลต้องไปนำใบสุทธิมายืนยันกับทางอำเภอจึงจะสามารถย้ายชื่อกลับมายังทะเบียนบ้านได้ จึงจะสามารถทำบัตรประชาชนได้ และจึงจะสามารถขอบัตรคนพิการได้ 

 

อย่างไรก็ตามการต่อบัตรคนพิการจำเป็นต้องใช้เอกสารเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว และถ้าหากจะมีผู้ดูแลคนพิการก็ต้องมีเอกสารเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นประชาชนสำเนาทะเบียนบ้านและใบรับรองการเป็นผู้ช่วยคนพิการจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 

 

โดยเมื่อมีเอกสารพร้อมแล้วต้องไปติดต่อยังกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประจำจังหวัด หรือกองสวัสดิการสังคมในเขตพื้นที่จังหวัดของตัวเอง 

 

แม้ถูกดำเนินคดีก็ไม่ถูกตัดสิทธิ์เบี้ยความพิการ 

หนึ่งในสิ่งที่ถูกพูดถึงในโลกสังคมออนไลน์จากข่าวที่เกิดขึ้นของคุณมณฑลคือการที่ถูกดำเนินคดีอาญา จนถูกตัดสิทธิ์คนพิการ และไม่สมควรได้รับเบี้ยความพิการ 

 

แต่จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าตามระเบียบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับเบี้ยความพิการระบุว่า  “ในกรณีที่ผู้พิการเป็นผู้ถูกต้องขังหรือถูกจำคุกในเรือนจำเป็นผู้ถูกควบคุมจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนหรือศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนให้ไปลงทะเบียนและขอรับเบี้ยความพิการต่อผู้บังคับการหรือผู้อำนวยการตามสถานที่ที่อยู่”  จึงหมายความว่าแม้จะถูกดำเนินคดีหรือถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำก็ยังมีสิทธิในเบี้ยความพิการ

 

ต่างคนต่างมุมมอง 

มณฑลยังคงเดินทางมายังกรุงเทพฯด้วยรถสามล้อโยกของตน เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ โดยระหว่างทางก็ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากการนำเสนอข่าวโดยสำนักข่าวต่างๆ ทั้งเรื่องของการปฏิเสธความช่วยเหลือ จากกรมคนพิการ หรือจากหน่วยงานส่วนท้องถิ่น แต่มณฑลได้ยืนยันว่าตนไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใครแต่ต้องการมากรุงเทพฯ เพื่อบอกเล่าปัญหาที่ตนพบ 

 

นักข่าวบางส่วนพยายามนำเสนอเรื่องราวความหวังดีของผู้คนที่พยายามจะมอบให้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออาสาต่างๆซึ่งก็ถูกปฏิเสธ กลายเป็นภาพความก้าวร้าวและไม่สุภาพจากคนพิการ ซึ่งนายมณฑลได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ถ้าอยากจะช่วยเหลือกันก็อยากให้ไม่มีการรบกวนมากกว่า 

 

“แบบนี้มันไม่คุกคามผมเหรอ ผมไปทำอะไรให้เหรอ ไปถึงที่นู่นก็นำเสนอได้ ในชีวิตประจำวันผมพวกพี่ก็ต้องตามผมไปตลอดเลยใช่ไหมหลังจากนี้ ถ้าเล่นตามกันขนาดนี้มันไม่ใช่แล้วนะ ผมไม่มีเวลาส่วนตัวเลยนอนก็ไม่ได้นอน ถ้าเป็นห่วงให้ผมนอนได้ไหมให้ผมพักผ่อนได้ไหม ตามผมกดดันผมแบบนี้เพื่ออะไร

 

“ถ้าไม่กวนผม แล้วผมจะโวยวายทำไม ผมไม่ใช่โรคจิตนะ อยู่ๆจะโมโหตะคอกแบบนี้ทำไม คนเราถ้าไม่โมโหตะโกนสุดขีดจะตะคอกแบบนี้ไหม ผมสมประกอบดี ผมมีสมองผมมีสติ

 

“ผมไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้วการออกสื่อเพราะผมไม่มีชื่อในสังคม ผมไม่มีอะไรจะเสีย แล้วพวกพี่มาทำแบบนี้มันไม่ใช่ไง พูดถึงสิทธิและเสรีภาพไม่ใช่เหรอ ผมกำลังร้องอยู่นี่ไงว่าผมขอได้ไหมความเป็นส่วนตัวผมอยากพักผ่อน พอพวกคุณอยากได้ข่าวก็บีบบังคับให้ผมไป แห่ให้ผมไปแผนนี้มันโบราณแล้วงานข่าวไทยมันไม่พัฒนาหรอกแบบนี้”

 

กระแสในสังคมออนไลน์ยังคงแตกออกเป็น 2 ทางส่วนหนึ่งมองว่าเป็นคนพิการที่เอาแต่ใจ ก้าวร้าว รวมถึงไม่รับความช่วยเหลือจากผู้ที่หวังดี แต่อีกส่วนก็มองว่าเขามีจุดประสงค์ของตัวเองและต้องการทำสิ่งนั้นตามความตั้งใจจึงไม่ควรที่จะไปตัดสินจากสิ่งที่เกิดขึ้น 

 

อย่างไรก็ตามมณฑลยังคงยืนยันเดินหน้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าพบผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นของตน